เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ อาการ สาเหตุ และวิธีรักษา

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ แต่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าคืออะไร และส่งผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อย่างละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีการวินิจฉัย ไปจนถึงแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คืออะไร?

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า Endometriosis เป็นภาวะที่เซลล์เยื่อบุมดลูกเจริญเติบโตนอกบริเวณโพรงมดลูก ซึ่งโดยปกติแล้ว เยื่อบุโพรงมดลูกควรจะอยู่ภายในมดลูกเท่านั้น แต่ในผู้ที่เป็นโรคนี้ เซลล์เหล่านี้จะไปเจริญเติบโตในบริเวณอื่น ๆ เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ หรือแม้แต่ในช่องท้อง

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างเยื่อบุโพรงมดลูกปกติและเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คือ เยื่อบุโพรงมดลูกปกติจะอยู่ภายในโพรงมดลูก มีการหนาตัวตามรอบเดือนและหลุดลอกออกเป็นประจำเดือนเมื่อไม่มีการปฏิสนธิ ซึ่งไม่ให้เกิดอาการผิดปกติ แต่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เกิดจากเนื้อเยื่อที่คล้ายกับเยื่อบุโพรงมดลูกไปเจริญนอกมดลูกและมีการหลุดลอกตามรอบเดือน แต่ไม่สามารถขับออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดท้องน้อยรุนแรง และทำให้มีบุตรยาก 

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การเข้าใจถึงสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและจัดการกับโรคได้ดียิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่อาจเป็นสาเหตุหรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรค

สาเหตุที่อาจทำให้เกิดโรค

แม้ว่าสาเหตุของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ยังไม่เป็นที่ทราบอย่างชัดเจน แต่มีสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ดังนี้

  1. ประจำเดือนไหลย้อนกลับ: คือการที่เลือดประจำเดือนไหลย้อนเข้าไปในท่อนำไข่และช่องเชิงกรานแทนที่จะออกจากร่างกาย เลือดนี้มีเซลล์จากเยื่อบุโพรงมดลูกที่อาจไปเกาะตามผนังเชิงกรานและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้เซลล์เหล่านี้เติบโตและมีเลือดออกในแต่ละรอบเดือน
  2. เซลล์ในช่องท้องมีการเปลี่ยนแปลง: ฮอร์โมนหรือภูมิคุ้มกันอาจทำให้เซลล์ในช่องท้องเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ที่เหมือนกับเยื่อบุโพรงมดลูก
  3. การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ตัวอ่อน: ฮอร์โมน เช่น เอสโตรเจน อาจทำให้เซลล์ในช่วงพัฒนาการเริ่มแรก (เซลล์ตัวอ่อน) กลายเป็นเซลล์ที่คล้ายเยื่อบุโพรงมดลูกในช่วงวัยรุ่น
  4. แผลจากการผ่าตัด: เซลล์จากเยื่อบุโพรงมดลูกอาจไปเกาะกับแผลเป็นที่เกิดจากการผ่าตัดช่องท้อง เช่น การผ่าคลอด
  5. เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเคลื่อนไปที่อื่น: เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกอาจเคลื่อนไปยังส่วนอื่นของร่างกายผ่านทางหลอดเลือดหรือระบบน้ำเหลือง
  6. ปัญหาของระบบภูมิคุ้มกัน: ระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถทำลายเนื้อเยื่อเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่ได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง

มีหลายปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ได้แก่

  • ไม่เคยมีบุตร
  • เริ่มมีประจำเดือนตั้งแต่อายุน้อย
  • เข้าสู่วัยหมดประจำเดือนในช่วงอายุมาก
  • มีรอบเดือนสั้น เช่น น้อยกว่า 27 วัน
  • ประจำเดือนมามากและมานานเกิน 7 วัน
  • มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายสูง หรือได้รับเอสโตรเจนมากตลอดช่วงชีวิต
  • น้หนักตัวน้อย ดัชนีมวลกาย (BMI) ต่ำ
  • มีญาติใกล้ชิด เช่น แม่ ป้า หรือน้องสาว เป็นโรคนี้
  • มีภาวะสุขภาพที่ทำให้เลือดประจำเดือนไหลออกจากร่างกายไม่สะดวก รวมถึงปัญหาของระบบสืบพันธุ์

อาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การรู้จักอาการของโรคเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถสังเกตความผิดปกติและเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที ในส่วนนี้ เราจะกล่าวถึงอาการทั่วไปที่พบได้บ่อย ๆ และอาการที่ควรระวังเป็นพิเศษ

อาการทั่วไปที่พบบ่อย

อาการของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีความหลากหลาย ะบางคนอาจไม่มีอาการเลย บางคนอาจมีอาการเพียงเล็กน้อย หรือบางคนอาจพบได้หลาย ๆ อาการ อย่างไรก็ตาม อาการที่พบบ่อยได้แก่

  1. ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงในช่วงมีประจำเดือน: อาการปวดนี้มักรุนแรงกว่าอาการปวดประจำเดือนปกติและอาจเกิดขึ้นก่อนหรือระหว่างมีรอบเดือน
  2. ปวดท้องน้อยเรื้อรัง: อาการปวดท้องน้อยอาจเกิดขึ้นตลอดทั้งเดือน ไม่เฉพาะช่วงที่มีประจำเดือนเท่านั้น
  3. ปวดระหว่างหรือหลังการมีเพศสัมพันธ์: เป็นอาการที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
  4. ปวดขณะปัสสาวะหรือขับถ่าย: อาการนี้มักเกิดขึ้นในช่วงมีประจำเดือน
  5. เลือดประจำเดือนมามากหรือนาน: ประจำเดือนอาจมามากผิดปกติหรือนานกว่า 7 วัน
  6. มีบุตรยาก: เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจทำให้การตั้งครรภ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากการอักเสบและการเกาะติดของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ
  7. อาการอื่น ๆ: เช่น อ่อนเพลีย ท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก หรือคลื่นไส้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน

อาการรุนแรงที่ควรพบแพทย์ทันที

แม้ว่าโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) จะไม่ค่อยมีความเสี่ยงถึงชีวิตโดยตรง แต่ในบางกรณีอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้ หากพบอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ร้ายแรง

  • ปวดท้องน้อยรุนแรงฉับพลัน: หากมีอาการปวดท้องน้อยอย่างเฉียบพลันและรุนแรงจนทนไม่ไหว อาจเป็นอาการของภาวะแทรกซ้อน เช่น ซีสต์แตก หรือ การอุดตันของลำไส้ ซึ่งเป็นอันตรายและต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
  • เลือดออกมากผิดปกติ: หากมีเลือดออกจากช่องคลอดมากผิดปกติจนทำให้มีอาการหน้ามืด หมดสติ หรือหัวใจเต้นเร็ว ควรพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจมีภาวะการเสียเลือดมาก ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
  • ไข้สูงร่วมกับอาการปวดท้อง: หากมีไข้สูงร่วมกับอาการปวดท้องหรืออาการปวดที่มีลักษณะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในช่องท้อง หรือการอักเสบที่รุนแรงซึ่งจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด
  • ปัญหาการขับถ่ายรุนแรง: หากมีอาการท้องอืดรุนแรง ไม่สามารถขับถ่ายได้ หรือมีอาการปวดท้องมากหลังจากขับถ่าย อาจเป็นอาการของลำไส้อุดตัน ซึ่งเกิดจากการเกาะและเจริญของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษา
  • หายใจลำบาก: หากมีอาการหายใจติดขัด หายใจไม่อิ่ม ร่วมกับอาการเจ็บแน่นหน้าอก อาจเป็นภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ในปอด อย่างไรก็ตามเป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้น้อยมาก ๆ แต่หากมีภาวะนี้แล้วจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ต้องพบแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้

การวินิจฉัยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การวินิจฉัยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค

การตรวจร่างกายเบื้องต้น

แพทย์จะเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด ถามเกี่ยวกับอาการ ประวัติประจำเดือน และประวัติครอบครัว จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายและตรวจภายใน เพื่อหาความผิดปกติหรือก้อนในอุ้งเชิงกราน

การตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษ

หากสงสัยว่าอาจเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่อไปนี้:

  • อัลตราซาวนด์: เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเพื่อสร้างภาพของอวัยวะภายใน สามารถช่วยตรวจหาซีสต์ในรังไข่หรือก้อนผิดปกติได้
  • การตรวจด้วยกล้อง (Laparoscopy): เป็นวิธีการวินิจฉัยโรคที่มีความแม่นยำ โดยแพทย์จะสอดกล้องเล็ก ๆ ผ่านแผลเล็ก ๆ บริเวณหน้าท้องเพื่อตรวจดูภายในช่องท้องและอุ้งเชิงกรานโดยตรง หากพบเนื้อเยื่อเยื่อบุโพรงมดลูกผิดที่ แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
  • การตรวจเอ็มอาร์ไอ (MRI): โดยใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพละเอียดของอวัยวะภายใน ช่วยในการวางแผนการรักษาได้ดี
  • การตรวจซีทีสแกน (CT scan): เป็นการใช้รังสีเอกซ์ในการสร้างภาพของร่างกาย ซึ่งสามารถสร้างภาพสามมิติของอวัยวะภายในได้
  • การตรวจเลือด: แม้ว่าการตรวจเลือดจะไม่สามารถยืนยันการเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ แต่แพทย์อาจสั่งตรวจเลือดเพื่อประเมินความรุนแรงของอาการอักเสบหรือภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการเสียเลือดมาก

วิธีการรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค อายุของผู้ป่วย และความต้องการมีบุตรในอนาคต

การรักษาด้วยยา

  1. ยาแก้ปวด: ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้
  2. ฮอร์โมนบำบัด: การใช้ฮอร์โมนสามารถช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนในร่างกาย ลดการเจริญเติบโตของเยื่อบุโพรงมดลูก และบรรเทาอาการปวด วิธีนี้รวมถึง:
    • ยาคุมกำเนิด
    • ยาโปรเจสติน
    • ยาที่ช่วยกดการทำงานของรังไข่ (GnRH agonists)

การฉีดยาคุมรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมอาการของโรค

การรักษาด้วยการผ่าตัด

ในกรณีที่อาการรุนแรงหรือการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ทำการผ่าตัดเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่:

  1. การผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery): เป็นการผ่าตัดแผลเล็กโดยใช้กล้องขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องท้อง วิธีนี้ช่วยให้แพทย์สามารถตัดหรือจี้เยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่ออกได้ ข้อดีคือแผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และเจ็บปวดน้อย
  2. การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Laparotomy): ใช้ในกรณีที่โรครุนแรงหรือมีพังผืดมาก แพทย์จะเปิดแผลที่หน้าท้องเพื่อเข้าถึงอวัยวะภายในได้ดีขึ้น
  3. การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ออก (Hysterectomy): เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากและไม่ต้องการมีบุตรแล้ว

ผลกระทบของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ต่อการตั้งครรภ์

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการมีบุตร ในหัวข้อนี้ เราจะพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโรคนี้กับภาวะมีบุตรยาก และแนวทางการรักษาสำหรับผู้ที่วางแผนจะมีบุตร

ภาวะมีบุตรยากกับเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของภาวะมีบุตรยาก โดยอาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ได้หลายทาง:

  • เกิดพังผืดที่รบกวนการทำงานของท่อนำไข่
  • ทำให้คุณภาพของไข่ลดลง
  • ส่งผลต่อการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก

อย่างไรก็ตาม การเป็นโรคนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เลย หลายคนยังสามารถมีบุตรได้ทั้งโดยวิธีธรรมชาติหรือด้วยความช่วยเหลือทางการแพทย์

แนวทางการรักษาสำหรับผู้ที่วางแผนมีบุตร

สำหรับผู้ที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่และวางแผนจะมีบุตร แพทย์อาจแนะนำแนวทางดังนี้:

  1. การผ่าตัดเพื่อกำจัดเยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์
  2. การกระตุ้นการตกไข่ด้วยยา เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิ
  3. การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในกรณีที่วิธีอื่นไม่ประสบความสำเร็จ

ที่สำคัญ ผู้ที่วางแผนจะมีบุตรควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล

การดูแลตัวเองเมื่อเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว การดูแลตัวเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในส่วนนี้ เราจะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองเพื่อบรรเทาอาการและเพิ่มคุณภาพชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคนี้

วิธีบรรเทาอาการปวด

นอกจากการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์แล้ว ยังมีวิธีบรรเทาอาการปวดที่สามารถทำได้เองที่บ้าน:

  1. ใช้ความร้อนประคบบริเวณที่ปวด เช่น ใช้กระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าอุ่น
  2. นวดบริเวณท้องน้อยเบา ๆ เพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
  3. ทำสมาธิหรือฝึกเทคนิคการหายใจเพื่อลดความเครียด ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้
  4. ออกกำลังกายเบา ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน หรือโยคะ

อาหารและโภชนาการที่เหมาะสม

การรับประทานอาหารบางชนิดอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้:

  • รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผักและผลไม้
  • เพิ่มการบริโภคอาหารที่มีโอเมก้า-3 เช่น ปลาทะเล หรือเมล็ดเจีย
  • ลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อแดง และอาหารแปรรูป
  • หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน

การออกกำลังกายที่แนะนำ

การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถช่วยบรรเทาอาการของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ โดยกิจกรรมที่แนะนำ ได้แก่:

  • การเดินเร็ว
  • ว่ายน้ำ
  • ปั่นจักรยาน
  • โยคะหรือพิลาทิส

ควรเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ และค่อย ๆ เพิ่มความเข้มข้นตามความเหมาะสม หากรู้สึกไม่สบายหรือปวดมากขึ้น ควรหยุดและปรึกษาแพทย์

ไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามการรักษา

  • ควรไปพบแพทย์เป็นประจำตามนัดเพื่อติดตามอาการและประเมินประสิทธิภาพของการรักษา หากอาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับวิธีการรักษา
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เกี่ยวกับการใช้ยาและการรักษาอย่างเคร่งครัด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (FAQ)

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่รักษายังไง?

การรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจใช้วิธีการรักษาด้วยยา เช่น ยาแก้ปวด ยาฮอร์โมน หรือการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดส่องกล้อง ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสมเป็นรายบุคคล

เยื่อบุโพรงมดลูกอันตรายไหม? 

แม้ว่าโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่จะไม่ใช่โรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก เช่น ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง หรือส่งผลต่อภาวะการมีบุตร อย่างไรก็ตามโรคนี้สามารถพบภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ ดังนั้นการรักษาที่เหมาะสมและการรักษาตั้งแต่โรคยังไม่รุนแรง หรือมีอาการยังไม่มากจึงมีความสำคัญ เป็นการหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง

เยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ตรงไหน?

โดยปกติ เยื่อบุโพรงมดลูกจะอยู่ภายในมดลูก แต่ในกรณีของโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้อาจพบได้ในบริเวณอื่น ๆ เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือแม้แต่ในช่องท้อง

การลอกหลุดของเยื่อบุโพรงมดลูก คืออะไร? 

การลอกหลุดของเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่เนื้อเยื่อในมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือนเมื่อไข่ไม่ถูกปฏิสนธิ ทำให้ไม่มีการตั้งครรภ์ ในแต่ละรอบเดือนฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะกระตุ้นให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น เพื่อเตรียมรองรับการฝังตัวของตัวอ่อน หากไม่มีการตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนเหล่านี้จะลดลงทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน 

ในโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้อเยื่อที่ผิดที่นี้ก็มีการหลุดลอกเหมือนกับเยื่อบุที่อยู่ในมดลูก แต่เนื่องจากเนื้อเยื่อเหล่านี้อยู่นอกมดลูก การลอกหลุดจึงทำให้เกิดการอักเสบและปวดในบริเวณอื่นของร่างกาย 

สรุป

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่เป็นภาวะที่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้หญิงอย่างมาก แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่อาการปวดและผลกระทบต่อภาวะการมีบุตรอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกังวลและสร้างความเจ็บปวดในทุก ๆ รอบเดือน การเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ ตั้งแต่สาเหตุ อาการ วิธีการวินิจฉัย และแนวทางการรักษา จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการและรับมือกับโรคนี้ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าตนเองอาจเป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้และโรคของมดลูกอื่น ๆ เราขอแนะนำให้คุณเข้าชมเว็บไซต์ TESEUS ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและครอบคลุมเกี่ยวกับสุขภาพสตรี ที่ TESEUS มีบทความที่เขียนโดยผู้เชี่ยวชาญ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับการวินิจฉัยและการรักษา รวมถึงคำแนะนำในการดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

อย่าปล่อยให้รู้สึกกังวลใจกับปัญหาสุขภาพสตรีทำให้คุณไม่มีความสุข ที่ TESEUS เรามีคำตอบให้คุณ ด้วยข้อมูลที่ถูกต้องและการดูแลที่เหมาะสมเพื่อให้คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขอีกครั้ง มาเริ่มต้นดูแลสุขภาพไปพร้อม ๆ กัน

Scroll to Top